top of page
Search

ย้อนตำนาน "สาวห้าว" สุจิตรา เอกมงคลไพศาล ไทยคนที่ 2 แชมป์หญิงเดี่ยวขนไก่ซีเกมส์

  • Writer: SW Sport News
    SW Sport News
  • Jun 14, 2020
  • 2 min read

อยากบอกพี่น้องชาวไทยทุกคนว่าวันนี้ ตา ทำสำเร็จแล้วค่ะ"


     เป็นคำกล่าวสั้นๆ ที่ผ่านมา 19 ปีแล้ว คำพูดที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของนักตบลูกขนไก่ทีมชาติไทยผู้มีนามว่า "สาวห้าว" สุจิตรา เอกมงคลไพศาล ภายหลังจากที่คว่ำคู่ปรับเก่า ลิเดีย ดจาลาวิจาย่า จากอินโดนีเซียขาดกระจุย 2-0 เซต บาคาร่าออนไลน์ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ณ สังเวียน ชาห์ อาลัม สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2544 ที่ประเทศมาเลเซีย  คว้า "เหรียญทอง" หญิงเดี่ยวมาครอบครองได้อย่างยิ่งใหญ่ 

     "สาวห้าว" สานฝันให้กับตัวเองสำเร็จ และยังเป็น "เหรียญทอง" ที่วงการแบดมินตันไทยเฝ้ารอคอยมายาวนานถึง 34 ปีเลยทีเดียว นับตั้งแต่ "ทองคำ กิ่งมณี" หญิงไทยคนแรกที่คว้าแชมป์หญิงเดี่ยวในการแข่งขันกีฬาเซียพเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ ในปี 2510 

     นับเป็นเวลานานมากนานจนเกือบจะลืม กระทั่งสุดยอดนักตบลูกขนไก่สาวไทยในขณะนั้น คืนความสุขให้แฟนกีฬาอีกครั้ง "สาวห้าว" ก็ด้วยเช่นกัน น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไหลรินอาบสองแก้มทันทีที่สิ้นสุดการแข่งขันท่ามกลางเสียงยินดีของกองเชียร์และเพื่อนร่วมทีม

     "ยังจำภาพในวันนั้นได้ไม่เคยลืม ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศก็มีความกดดันทีเดียว ทั้งนี้เพราะเคยแพ้ ลิเดีย มาในเกมประเภททีมหญิง และหลังจากที่รอบรองชนะเลิศเอาชนะ วอง มิว ชู ของมาเลเซีย จนเข้าชิง สำเร็จ ตา ตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ดีกว่าเดิมทำให้มีแรงกดดันทั้งกับตัวเองและจากกองเชียร์อินโดนีเซียที่เชียร์กันดังมากๆ"

    "แต่ ตา ก็ทำสำเร็จเอาชนะคว้าแชมป์หญิงเดี่ยวมาครอง ดีใจมากเลยค่ะยังจำได้แม่นได้ร้องเพลงชาติไทยมีความสุขมากๆ" นึกย้อนกลับไปมีความสุขทุกครั้งสำหรับ สุจิตรา เอกมงคลไพศาล อดีตนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือ 1 ของไทย ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนที่ 2 ที่ได้แชมป์หญิงเดี่ยวซีเกมส์ 

    นี่คือหนึ่งในตำนานที่ได้รับการยกย่องและเป็นที่ยอมรับในวงการแบดมินตันไทย

     "สุจิตรา เอกมงคลไพศาล" เกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2520 เป็นชาวจังหวัดกรุงเทพมหานคร มีชื่อเล่นว่า "ตา" เริ่มเล่นกีฬาแบดมินตันตั้งแต่วัยเยาว์ โดยมีคุณพ่ออานนท์ หรือ ครูไก่ เป็นผู้ฝึกสอนคนแรก ที่สนามแบดมินตันอุดมเดช หลังจากที่ฝีมือพัฒนาก้าวหน้าก็ได้ไปฝึกฝนวิทยายุทธต่อกับ ครูโพยม พันธ์ครุฑ ที่สนามแบดมินตันบางขุนเทียน จากนั้นได้ไปเป็นศิษย์ของ อาจารย์ชัยศักดิ์ ทองเดชศรี กระทั่งได้เข้ามาอยู่ในสังกัดสโมสรสิงห์ เอชเอช ภายใต้การดูแลของ อาจารย์แสงทอง บุญบำเพ็ญศิลป์ 

     "เริ่มเล่นแบดมินตันเมื่ออายุประมาณ 11 ขวบได้ คุณพ่อไปตีแบดฯ ออกกำลังได้พาตากับน้องชายไปด้วย แรกๆ ก็แค่ตีเล่นๆ ต่อมาพ่อคงเห็นว่าพอมีแววก็เลยสอนให้ จากนั้นเริ่มเล่นอย่างจริงจังเรื่อยมา" สุจิตรา กล่าว 

     กล่าวได้ว่าเพราะมีพรสวรรค์อยู่เต็มกายทำให้ฝีไม้ลายมือพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในสังเวียนระดับเยาวชน สาวน้อยสุจิตรา กวาดแชมป์มาครองมากมาย เป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองและคาดการณ์ว่าอนาคตบนถนนสายนี้โชติช่วงแน่นอน

     ด้วยฟอร์มโดดเด่นเกินวัยทำให้ในวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น "สุจิตรา" ถูกเรียกติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก เดินทางไปร่วมศึกอูเบอร์ คัพ เวทีระดับโลกได้เปิดประสบการณ์ใหม่ และตอนอายุ 17 ปี ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2537 

     ถึงตอนนี้ "สุจิตรา" เริ่มกลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมแบดมินตันไทย โดยในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2538 มีชื่อร่วมทำศึกซีเกมส์เป็นครั้งแรก พร้อมกับผลงานได้เหรียญเงินประเภททีม กับ เหรียญทองแดง จากประเภทคู่ผสม

    อย่างไรก็ตามอีกสองปีถัดมาซีเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศอินโดนีเซียต้องพลาดโอกาสเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ศอกจนต้องถอนตัว แต่ในปี 2541 เข้าร่วมแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯเป็นอีกครั้งที่ได้แข่งขันในแผ่นดินเกิดต่อหน้าแฟนๆ กีฬาชาวไทยที่เข้าไปให้กำลังใจล้นหลาม 

     ในวัย 21 ปี "สุจิตรา" ได้จารึกประวัติศาสตร์ให้กับวงการขนไก่ไทย ด้วยการคว้า "เหรียญทองแดง" ในประเภทหญิงเดี่ยวมาครอง ซึ่งเป็นสาวไทยคนแรกที่ทำสำเร็จในเวทีเอเชียนเกมส์ 

    นานวันฝีมือยิ่งกล้าแกร่งปี 2542 กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่ประเภทบรูไน ครานี้ไต่ทะยานคว้าเหรียญเงินจากประเภทหญิงเดี่ยว กระทั่งในอีกสองปีต่อมากับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เธอก็สานฝันให้กลายเป็นจริง 

     ด้วยเหรียญทองหญิงเดี่ยว...เหรียญทองแรกของ "สุจิตรา"..เหรียญของแบดมินตันไทยที่รอมาถึง 34 ปี 

     ความสำเร็จที่มาเลเซียจากฟอร์มที่เฉียบขาดยังส่งผลถึงอันดับบนแรงกิ้งโลก "สุจิตรา" ไต่ขึ้นไปถึงมืออันดับ 6 ของโลกในขณะนั้น จากตรงนี้เองทำให้ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 ที่เมืองบูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2545 เจ้าของฉายา "สาวห้าว" ถูกยกให้เป็น "เต็ง 2 " ของรายการ 

     "หลังจากที่ล้มคราวแรกก็ไม่มีอาการอะไรไม่รู้สึกเจ็บ แต่ต่อมาในจังหวะกระโดดตบโอเวอร์เฮดนั้นลงมาแล้วนั้นรู้สึกมีเสียงกรุบๆ ที่หัวเข่าสองครั้งแต่ไม่รู้สึกเจ็บ คิดว่าไม่เป็นอะไรจึงแค่เอาผ้ามาพันและสเปรย์ฉีดแล้วเล่นต่อ และเมื่อเล่นต่อในจังหวะทิ้งน้ำหนักลงที่ขาเพื่อไปรับลูกเสิร์ฟก็ยืนไม่อยู่ล้มลงไปทั้งตัวเลย และได้ยินเสียงกระดูกดังกรุบกรับๆ ติดต่อกัน 6-7 ครั้งได้คราวนี้รู้สึกเจ็บปวดมากยังกับกระดูกทิ่มออกมาขาก็ขยับไม่ได้เลย" 

  บทสัมภาษณ์สัมภาษณ์เมื่อ 18 ปีก่อน ภายหลังเข้ารับการรักษาในโรงพยายบาลที่เมืองบูซาน น้ำตาคลอเบ้าแววตาเศร้าเห็นได้ชัดเจน เหตุการณ์ช็อก ! เธอและแฟนกีฬาชาวไทยเกิดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค.ในเกมหญิงเดี่ยวรอบแรก กับ อึ้ง มีเฟน จากมาเลเซีย 

     "สาวห้าว" ได้รับบาดเจ็บหนักเอ็นหัวเข่าขาดและหมอนรองกระดูกอ่อนแตก เป้าหมายจะเข้าชิงชนะเลิศพังทลายลงเพราะความโชคร้าย และต้องเข้ารับการผ่าตัดพักรักษาตัวอยู่นานถึง 3 ปีเลยทีเดียว 

     แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งอดีตหญิงเดี่ยวมือ 1 ของไทยสามารถฝ่าห้วงเวลาที่โหดร้ายและทรมานไปได้ และกลับมาลงเคาะสนิมรายการแรกในศึกไทยแลนด์ โอเพ่น 2005 ในประเภทหญิงคู่ที่เล่นคู่กับ "สลักจิต พลสนะ" ที่ก้าวขึ้นมาครองเบอร์ 1 ของไทยแทนเธอในเวลานั้น  ต่อมาได้ร่วมทัพไปทำศึกแบดมินตัน "สุธีรมาน คัพ 2005" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

 ก่อนมาประสบความสำเร็จคว้า "แชมป์" ครั้งแรกนับแต่คืนเวที ในรายการเวียดนาม แซทเทิลไลต์ ต่อด้วย "แชมป์" หญิงเดี่ยวในรายการ ศรีลังกา แซทเทิลไลต์ เป็นสองแชมป์ที่สร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอ 

     ปี 2548 กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ "สาวห้าว" ได้ร่วมทัพไปแข่งขันอีกครั้ง และประสบความสำเร็จสร้างประวัติศาสตร์กับทีมขนไก่สาวไทยด้วยการคว้า "เหรียญทอง" ซีเกมส์ได้เป็นครั้งแรก ก่อนประกาศแขวนแร็กเกตในเวลาต่อมา

    กว่า 14 ปีกับการรับใช้ชาติและเวทีขนไก่โลกมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและโชคร้ายผ่านเข้ามาในชีวิต "สุจิตรา" บอกว่า ก็มีท้อแต่ด้วยกำลังจากรอบข้างทำให้มีแรงสู้ ทั้งเอเชียนเกมส์ และ โอลิมปิกเกมส์แม้ต้องผิดหวังแต่เธอก็ภาคภูมิใจทั้งนี้เพราะได้พยายามอย่างเต็มความสามารถ

     "ดีใจที่ได้เดินทางบนเส้นทางสายนี้ กีฬาแบดมินตันให้ทุกอย่างในชีวิต ให้ความมีระเบียบวินัย รอบคอบ ความรับผิดชอบ รวมถึงการดำเนินชีวิต ทุกวันนี้ทำให้มีโอกาสได้ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอน, ผู้บรรยายกีฬา, ได้ทำรายการ มีชีวิตที่ดี"

     "แข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้ ที่ผ่านมาเราไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ก็ให้เป็นบทเรียน แล้วเปลี่ยนบทบาททำวันนี้และวันข้างหน้าให้ดีมีความสุขกับปัจจุบัน" 

ประวัติ 

ชื่อจริง สุจิตรา เอกมงคลไพศาล เกิดวันที่ 17 มิ.ย. 2520 ชื่อเล่น ตา ภูมิลำเนา เป็นชาวกรุงเทพฯ  บิดาชื่อ อานนท์, มารดาชื่อ ณัฐพร เอกมงคลไพศาล การศึกษาระดับมัธยม รร.สตรีมหาพฤฒาราม, อุดมศึกษา ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.กรุงเทพ เริ่มเล่นแบดมินตันเมื่ออายุ 11 ปี, ติดทีมชาติครั้งแรกอายุ 14 ปี

ผลงาน  - ชนะเลิศชิงแชมป์ประเทศไทย ประเภทหญิงเดี่ยว 5 สมัยซ้อน (2540-2544) - นักกีฬายอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย ปี 2544 ของสมาคมผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย - อันดับ 6 ของโลก ประเภทหญิงเดี่ยว - อันดับ 8 ของโลก ประเภทหญิงคู่ - เหรียญเงินทีมหญิง, ทองแดงคู่ผสม กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ จ.เชียงใหม่ ปี 2538 - เหรียญเงินทีมหญิง, หญิงเดี่ยว กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่บรูไน ปี 2540 - เหรียญเงินทีมหญิง, เหรียญทองหญิงเดี่ยว กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปี 2544  - เหรียญทองทีมหญิง กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ปี 2548  - ร่วมแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ปี 2537 - เหรียญทองแดงหญิงเดี่ยว กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ ปี 2541 - เหรียญทองแดงทีมหญิง กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 ที่บูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ปี 2545 - รอบ 16 คนสุดท้าย กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ปี 2543  ปัจจุบัน  - เป็นผู้ฝึกสอนกีฬาแบดมินตัน, ผู้บรรยายกีฬาแบดมินตันและ ทำรายการให้กับช่องทรูวิชั่นส์ , ทำเพจ: เซียนแบดมินตัน ASIA369



 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

©2020 by Spiritwish News. Proudly created with Wix.com

bottom of page